การขายของตามตลาดนัดเป็นอาชีพอีกอาชีพหนึ่งที่มีผู้นิยมมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจตกสะเก็ดเช่นนี้เพราะการขายของตามตลาดนัดนั้นนอกจากจะค่าที่ถูก ขายไวแล้ว เรายังสามารถเปลี่ยนที่ขายเพื่อรองรับลูกค้าจากสถานที่ใหม่ๆ ได้อีกด้วยดังนั้นหากใครที่กำลังมองหาอาชีพเสริมอยู่ล่ะก็อยากให้มองอาชีพขายของตามตลาดนัดนี้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ดูค่ะ
การขายของตามตลาดนัดนั้นจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยากเพราะเนื่องจากว่าเป็นอาชีพที่ต้องใช้ฝีมือและการเข้าสังคมกับคนเหมือนกับการขายของอื่นๆ ทั่วไปแต่ก็ไม่ยากเกินความพยายามค่ะเพราะหากเรารู้หลักแล้วล่ะก็เราสามารถจัดการงานขายของเราให้มีประสิทธิภาพได้อย่างแน่นอน
สำหรับคนที่คิดจะขายของตามตลาดนัดสิ่งแรกที่ควรคำนึงก็คือ “ขายอะไร”? โจทย์ข้อนี้เป็นโจทย์ข้อแรกที่ถือว่าสำคัญที่สุดเพราะเราต้องค้นพบตัวเองให้ได้ก่อนว่าเราต้องการที่จะขายอะไรในตลาดนัดซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่เราจะขายนี้ต้องเป็นสิ่งที่เรารัก เป็นสิ่งที่เราชอบ เป็นสิ่งที่เราถนัด จึงจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีและมาถูกทาง เช่นหากเรามีฝีมือในการทำกับข้าวก็อาจจะทำกับข้าวขาย หรือหากเรามีฝีมือในเรื่องของงานหัตถกรรมถักร้อยก็อาจจะร้อยมาลัยขายเหล่านี้เป็นต้น หลักในการเลือกสินค้าที่จะขายในตลาดนั้นก็คือนอกจากจะเป็นของหรือสินค้าที่เราถนัดแล้วหากสินค้าดังกล่าวไม่ค่อยมีในตลาดนัดที่เราจะไปขายหรือมีคู่แข่งน้อยก็อาจทำให้เราขายได้ดีมากขึ้น
เมื่อเรารู้แล้วว่าจะขายอะไรคำถามที่เราควรจะถามตัวเองต่อไปคือ “ขายที่ไหน”? สถานที่ขายเป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่เราจะขายเพราะหากเราไม่มีสถานที่ไปขายแม้ว่าของเราจะดีเพียงใดก็ไม่สามารถนำเสนอสู่คนซื้อได้ ตลาดนัดที่เราควรเลือกนั้นควรเป็นตลาดนัดที่ดูแล้วว่าสามารถเอาสินค้าของเราไปขายแล้วมีคนซื้อยิ่งหากเป็นตลาดที่ไม่มีของแบบเดียวกับเราขายเลยหรือมีน้อยเจ้าเราก็ยิ่งได้เปรียบมากขึ้น อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญก็คือพยายามหาตลาดนัดที่ใกล้ที่พักอาศัยของเราเป็นสำคัญเพื่อความสะดวกในการขนย้ายสินค้าจากนั้นจึงถึงขั้นตอนสุดท้ายคือติดต่อเจ้าของตลาดนัดหรือผู้มีอำนาจในการตัดสินใจเพื่อหาที่ตั้งขาย
การติดต่อสถานที่เพื่อตั้งขายในตลาดนัดนั้นในปัจจุบันมีอยู่ 2 ประเภทคือเราไปติดต่อกับเจ้าของตลาดโดยตรงเพื่อสอบถามถึงอัตราค่าจ้างซึ่งตลาดนัดแบบนี้มักจะเป็นตลาดนัดที่ขายตายตัวมานานแล้วและมักจะไม่ค่อยมีที่เหลือเพราะมีคนจับจองก่อนหน้านี้แล้วดังนั้นหากเราคิดอยากจะขายในตลาดนั้นจริงๆ อาจจะต้องเซ้งต่อคนที่เขาขายอยู่แล้วหรือเช่าต่อจากเขาเป็นรายวันไป
ส่วนอีกแบบหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมและช่วยประหยัดเวลาให้กับผู้ขายรวมไปถึงช่วยทำให้ผู้ขายได้ลูกค้ามากขึ้นด้วยก็คือการติดต่อกับบรรดา organizer ที่เขาจัดงานตลาดนัดตามสถานที่ต่างๆ โดย Organizer เหล่านี้เขาจะเป็นคนหาสถานที่ว่างตามบริเวณชุมชนหลายๆ แห่งเพื่อเปิดเป็นตลาดนัดและรวมกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าไปขายโดยมีรายได้จากค่าเช่าให้ขายตามสถานที่นั้นๆ ข้อดีของการใช้ organizer เหล่านี้ก็คือเราสามารถมีสถานที่ขายของได้ตลอดทั้งเจ็ดวันอีกทั้งยังเป็นการขายหมุนเวียนกันไปจนครบ 7 วันดังนั้นจึงทำให้ลูกค้าหรือผู้ซื้อไม่เบื่อสินค้าของเราแต่ในขณะเดียวกันข้อเสียก็คือเราไม่สามารถเลือกตลาดนัดที่อยู่ใกล้บ้านได้ต้องขายตามที่ผู้จัดตลาดนัด due สถานที่เอาไว้แล้ว และมีหลายครั้งทีเดียวที่ขายในสถานที่ไกลๆ ทำให้เราต้องเสียเวลาเดินทาง
แต่อย่างไรก็ดีเมื่อพูดถึงการขายของแล้วไม่ว่าจะขายตามตลาดนัดหรือตลาดอะไรก็ตามทีนอกจากฝีมือด้านการทำและขายแล้วต้องยอมรับว่าบางครั้งดวงก็เป็นส่วนสำคัญไม่น้อยเช่นกันที่จะทำให้ขายดีหรือไม่แต่เชื่อเหลือเกินค่ะว่าหากเราทุกคนมีความมุ่งมั่นที่จะค้าขายอย่างสุจริตและไม่ท้อถอยแล้วลิขิตแห่งฟ้าคงไม่เกินความพยายามของคนอย่างแน่นอนค่ะ
สำหรับสินค้ายอดนิยมที่นิยมขายตามตลาดนัดในปัจจุบันนี้หากเป็นพวกของกินก็ได้แก่พวกแกงถุง ผักผลไม้ ของกินเล่น ขนมหวาน ของทอดต่างๆ ส่วนถ้าเป็นของใช้ก็จะได้แก่พวกเครื่องประดับที่ทำจากเหรียญห้าสิบสตางค์ เครื่องใช้ในห้องน้ำเช่นยาสระผม ผงซักฟอก น้ำยาทาเล็บ ล้างเล็บ ของใช้ราคา 20 บาททุกชิ้น แผ่นซีดีหนังและเพลง ซึ่งเราอยากขายอะไรก็เลือกดูเอาตามเหมาะสมโดยพิจารณาจากสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น ขอให้ทุกท่านโชคดีในการเป็นพ่อค้า แม่ค้า ตลาดนัดค่ะ
บทความโดยทีมงาน bychom
ขอขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต