ขายขนมหวาน บัวลอย ข้าวเหนียวมะม่วง สาคูแคนตาลูป


สูตรบัวลอยเผือกมะพร้าวอ่อน
เครื่องปรุง
แป้งข้าวเหนียว ½ ถ้วย

แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
กะทิกระป๋อง (ขนาด 400 มล) 1 กระป๋อง
น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊ป 1 ช้อนโต๊ะ
เผือกต้มสุกบดละเอียด 1 ถ้วย
เกลือป่น ¼ ช้อนชา
เนื้อมะพร้าวอ่อน 100 กรัม
วิธีทำ
1. เปิดเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง นำเผือกไปนึ่งในหม้อนึ่งประมาณ 20 นาทีหรือจนเผือกสุก เมื่อเผือกสุกแล้ว รอให้เผือกเย็นจึงนำมาขูดเอาแต่เนื้อออกให้หมด
2. นำแป้งข้าวเหนียว แป้งมัน น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา และเกลือป่นนิดหน่อย ผสมลงไปในชามผสมจากนั้น นำเผือกที่ขูดไว้มาผสมกับแป้ง
3. นำกะทิมาแบ่งใส่ถ้วยประมาณ ½ ถ้วย ส่วนกะทิที่เหลือนำไปใส่หม้อไว้ ใส่น้ำกะทิลงไปในส่วนผสมแป้งประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ จากนั้นทำการนวดให้เผือกเข้ากับแป้ง ถ้าแป้งแห้งไปให้เติมกะทิลงไปทีละ 1 ช้อนโต๊ะ นวดไปเรื่อยๆ จนแป้งและเผือกเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
4. เมื่อนวดจนแป้งเนียนได้ที่แล้วก็ปั้นแป้งเป็นลูกกลมๆ ขนาดประมาณ ¼ นิ้ว ปั้นไปเรื่อยๆ จนแป้งหมด จากนั้น เปิดเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง เอาน้ำเปล่าประมาณ 4 ถ้วยใส่ลงไปในหม้อ ต้มจนน้ำเดือดจึงเอาแป้งที่ปั้นไว้ใส่ลงไป รอจนแป้งสุก (สังเกตว่าแป้งจะลอยขึ้นมาเอง) ก็ช้อนแป้งที่สุกแล้วมาแช่ในน้ำเย็นจัดเพื่อให้แป้งคงตัว
5. เปิดเตาที่ไฟปานกลาง นำกะทิในหม้อไปตั้งบนเตา ใส่น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊ป และเกลือป่นลงไป หมั่นคนตลอดเวลา จากนั้น นำเนื้อมะพร้าวอ่อนมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงไปในกะทิ คนจนกะทิเดือดก็นำเม็ดบัวลอยที่เย็นแล้วใส่ลงในหม้อกะทิ คนให้เข้ากัน
6. ตักใส่ถ้วย จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้เลย
สูตรนี้เราจะเปลี่ยนจากเผือกเป็นมันเทศต้ม ฟักทองต้ม แครอทต้ม หรือผักสีสวยๆต้ม ก็ได้นะค่ะ จะได้บัวลอยอีกสีหนึ่ง ที่แตกต่างกันไป น่ารับประทานไปอีกแบบ



สูตรสาคูแคนตาลูป
เครื่องปรุง
สาคูเม็ดเล็ก 1 ถ้วย
แคนตาลูป 1 ลูก
กะทิ 1 ½ ถ้วย
น้ำตาลทราย ¾ ถ้วย
น้ำเปล่า 3 ½ ถ้วย
เกลือป่น ½ ช้อนชา
วิธีทำ

1. นำแคนตาลูปมาผ่าครึ่ง ควักไส้ออกแล้วตักเป็นลูกกลมๆ พักไว้
2. เปิดเตาที่ไฟปานกลาง นำน้ำตาลทรายใส่หม้อใส่น้ำลงไปประมาณ ½ ถ้วย คนให้น้ำตาลละลายเป็นน้ำเชื่อม ตั้งไฟจนน้ำเชื่อมเดือดสักพักก็ยกลง เทใส่ถ้วย พักไว้
3. นำกะทิใส่หม้อแล้วนำมาตั้งเตาที่ไฟปานกลางต่อ รอจนกะทิเดือดก็ใส่เกลือลงไป ตั้งไฟจนกะทิเดือดสักพักก็ยกลง เทใส่ถ้วย พักไว้
4. นำสาคูใส่กระชอนไปล้างผ่านน้ำ (ไม่ต้องคนนะคะ) และสะเด็ดน้ำพักไว้ จากนั้น เปิดเตาที่ไฟปานกลาง ใส่น้ำลงไปประมาณ 3 ถ้วย รอจนน้ำเดือดก็ใส่สาคูลงไป หมั่นคนเรื่อยๆ
5. เมื่อสาคูเริ่มสุกก็ลดไฟลงเหลือไฟอ่อน (สังเกตว่ารอบนอกสาคูจะใสขึ้นและสาคูเริ่มหนืด) คนไปเรื่อยๆ สักพักจนสาคูสุกใสก็ปิดเตาและยกลงได้
6. นำสาคูที่ได้มาใส่กระชอน นำไปล้างน้ำเอาเมือกแป้งออกแล้วจึงนำมาใส่ถ้วยไว้ จากนั้น เอาน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้เทใส่ลงไป คนให้น้ำเชื่อมและสาคูเข้ากัน ชิมรสหวานตามชอบ
7. ตักสาคูใส่ถ้วย นำแคนตาลูปที่เตรียมไว้ใส่ลงไป ตักกะทิราดลงไป คนให้เข้ากัน
8. ราดหน้าด้วยกะทิอีกครั้ง จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้เลย

สูตรเผือกบวช
เครื่องปรุง
เผือกหอมหัวเล็ก 350 กรัม

- น้ำกะทิ 1 1/4 ถ้วย
- หัวกะทิ 1 1/2 ถ้วย
- น้ำตาลมะพร้าว 140 - 160 กรัม
- เกลือป่น นิดหน่อย
- ใบเตย 4 ใบ
วิธีทำ
1.นำเผือกมาปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้นแช่น้ำปูนใสไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นใส่ตะกร้าผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
2.นำน้ำกะทิ 1 1/4 ถ้วย + หัวกะทิ 1/2 ถ้วย  ใส่ลงในหม้อที่เราจะใช้แกงบวด  แล้วเอาไปตั้งไฟ  (ใช้ไฟกลางๆ) ... เติมน้ำตาล กับเกลือป่นลงไป คนให้น้ำตาลละลาย  แล้วชิมรสดูตามชอบ จะออกหวานนำ  เค็มแทบไม่มี  (แต่ใส่เกลือ เพื่อชูรสหวานของน้ำตาล และความมันของมะพร้าวให้เข้มขึ้น)
3.เมื่อได้รสที่ชอบแล้ว ก็ใส่เผือกลงไป ตามด้วยใบเตย3-4ใบ เพื่อเพิ่มความหอม ตั้งไฟกลางๆสักพัก
4.จนเผือกสุกตามต้องการ  ก็ใส่หัวกะทิอีก 1/2 ถ้วยลงไปเร่งไฟให้กะทิเดือดอีกครั้ง พร้อมเสริฟ
สูตรฟักทองบวช
เครื่องปรุง

ฟักทอง 500 กรัม
กะทิ 1 กระป๋อง
น้ำตาลปี๊ป 1 ก้อน
น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย
เกลือป่น ½ ช้อนชา
น้ำปูนใส 3 ถ้วย (ปูนแดง 1 ช้อนชา + น้ำเปล่า 3 ถ้วย)
น้ำเปล่า 1 ถ้วย
วิธีทำ

1. นำปูนแดงมาละลายน้ำให้หมด ปล่อยทิ้งไว้จนปูนตกตะกอน ก็นำน้ำส่วนบนซึ่งก็คือน้ำปูนใสมาใช้
2. ผ่าฟักทอง คว้านเมล็ดและไส้ออก ปลอกเปลือกแล้วนำไปล้างให้สะอาดและหั่นเป็นชิ้น
3. นำฟักทองไปแช่น้ำปูนใสไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นจึงเทน้ำปูนใสทิ้ง นำไปล้างน้ำเปล่าและสะเด็ดน้ำ พักไว้
4. เปิดกะทิกระป๋อง ตักส่วนบนของกะทิแบ่งออกมาเป็นหัวกะทิประมาณ ½ ถ้วย นำกะทิที่เหลือมาใส่หม้อแล้วใส่น้ำเปล่า 1 ถ้วยลงไป จากนั้นนำไปตั้งเตาที่ไฟปานกลาง
5. พอกะทิเริ่มเดือดก็ใส่น้ำตาลปี๊ป น้ำตาลทราย และเกลือป่นลงไป
6. คนจนน้ำตาลละลายหมดก็ใส่ฟักทองลงไป คนให้เข้ากัน และต้มไปประมาณ 15 นาทีจนฟักทองสุก
7. นำหัวกะทิที่แบ่งไว้ใส่ลงไป คนให้เข้ากัน แล้วลดไฟอ่อน ต้มต่อไปจนเดือดอีกครั้งก็ปิดเตาและยกลงได้
8. ตักฟักทองแกงบวดใส่ถ้วย จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้เลยค่ะ
สูตรกล้วยไข่เชื่อม
เครื่องปรุง
กล้วยไข่ 6 ลูก

น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
น้ำเปล่า 1 ½ ถ้วย
ใบเตย 3 ใบ
หัวกะทิ ½ ถ้วย
เกลือป่น ½ ช้อนชา
แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนชา
วิธีทำ
1. นำน้ำตาลทรายและน้ำเปล่าใส่ลงในกระทะทองแล้วนำไปตั้งที่ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน คนให้เข้ากัน
2. นำใบเตยมาล้างน้ำให้สะอาด ผูกเป็นปมแล้วใส่ลงไปในน้ำเชื่อม คนเรื่อยๆ จนน้ำเชื่อมเริ่มจับตัวเหนียวพอประมาณ
3. นำกล้วยไข่มาตัดหัวตัดท้าย กรีดเปลือกตามยาวแล้วปลอกเปลือกออกให้หมด
4. นำกล้วยไข่ทั้งลูกที่ปลอกเปลือกออกแล้วใส่ลงไปในน้ำเชื่อม เคี่ยวไปเรื่อยๆ จนกล้วยไข่เป็นสีเหลืองเข้มก็ยกลงได้
5. นำหัวกะทิใส่หม้อแล้วนำไปตั้งที่ไฟปานกลาง ใส่เกลือและแป้งข้าวเจ้าลงไป คนเรื่อยๆ จนหัวกะทิข้นขึ้น ปิดเตาและยกลง
6. ตักกล้วยไข่เชื่อมใส่จาน ราดด้วยหัวกะทิ จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้เลยค่ะ
สูตรข้าวเหนียวเปียกลำไย
เครื่องปรุง
ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 1 ถ้วย

ลำไยสดแกะเอาแต่เนื้อ 2 ถ้วย (หรือมากกว่านี้ ตามความชอบ)
หัวกะทิ 2 ถ้วย
น้ำตาลทราย ครึ่งถ้วย
เกลือป่น พอประมาณ
ใบเตยตัดเป็นท่อนๆ 1-2 ใบ

วิธีทำ

เริ่มที่การต้มข้าวเหนียว โดยใช้ไฟอ่อนปานกลาง ใส่น้ำสะอาดลงในหม้อให้ท่วมข้าวเหนียวขึ้นมาประมาณ 2 นิ้ว ค่อยๆ คนไม่ให้ข้าวติดก้นหม้อ และระวังไม่ให้ข้าวข้นหรือแฉะเกินไป ใส่ใบเตยลงไปด้วยเพื่อความหอม แนะนำว่าถ้าใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงูก็จะดีไม่น้อย เพราะเม็ดข้าวจะบานสวย แต่ถ้าไม่มีก็ใช้ข้าวเหนียวธรรมดาทั่วๆไปได้
ระหว่างนั้นก็หันมาคั้นน้ำกะทิที่ใช้โรยหน้า โดยผสมเกลือป่นให้มีรสเค็มนิดๆ แต่ถ้าไม่มีเวลาคั้นกะทิสดเองจะเลือกใช้กะทิกระป๋องก็ได้ พอข้าวเหนียวสุก เม็ดจะเริ่มบานก็ใส่น้ำตาลทรายลงไป ใส่เกลือเล็กน้อย ชิมรสชาติความหวานตามความพอใจ คนข้าวต่อไปอีกสักพัก แล้วจึงใส่เนื้อลำไย เมื่อสุกได้ที่ยกลงจากเตาได้เลย
แค่นี้ก็ได้ข้าวเหนียวเปียกลำไย ราดด้วยน้ำกะทิสด หอมกรุ่น น่ากิน แต่ถ้าอยากจะเพิ่มสีสันและรสชาติให้มีมากขึ้น อาจจะใส่เผือก แห้ว ข้าวโพด ลูกเดือย ลำไยแห้ง ลงไปด้วย
สูตรข้าวเหนียวดำเปียก
ส่วนผสม
ข้าวเหนียวดำ 3 ถ้วยตวง (500 กรัม)

เผือกหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 3 ถ้วยตวง (200 กรัม)
เม็ดบัวต้มสุก 1/2 ถ้วย
มะพร้าวอ่อน 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง (300 กรัม)
น้ำตาลปิ๊บ 1 ถ้วยตวง (100 กรัม)
กะทิ 2 ถ้วย (500 กรัม)
เกลือปรุงทิพย์ 2 ช้อนชา (10 กรัม)
ใบเตย 4 ใบ
น้ำเปล่า 8 ถ้วย (2 ลิตร)
วิธีทำ
1.ล้างข้าวเหนียวดำ 1-2 ครั้ง แช่ข้าวในน้ำร้อน 1 1/2 ชม.

2.แช่เผือกในน้ำปูนใส นาน 10 นาที ล้างน้ำ สะอาด 2-3 ครั้ง พักให้สะเด็ดน้ำ
3.ต้มน้ำใส่ใบเตยตัดท่อน พอเดือด ใส่ข้าวเหนียวดำ เคี่ยวไฟอ่อน คนสม่ำเสมอป้องกันข้าวติดก้นหม้อ เมื่อข้าวเหนียวนุ่ม ตักใบเตยออก
4.ใส่เผือกลงในหม้อข้าวเหนียว เผือกสุกใส่น้ำตาลทราย น้ำตาลปิ๊บ คนพอละลายใส่เม็ดบัวต้มสุก และมะพร้าวอ่อนพอเดือด ยกลง

ทำส่วนกะทิไว้หยอดหน้า
1.ละลายเกลือในกะทิ ตั้งไฟอ่อน คนอย่าให้เป็นลูก พอเดือด ยกลง
เตรียมเสริฟ
สูตรข้าวเหนียวทุเรียน
ส่วนผสม
1.ข้าวเหนียวเขี้ยวงูคัดพิเศษ 1 กก.,
2. หัวกะทิ 10 ถ้วย,
3.หางกะทิ 1 ถ้วย,
4.น้ำตาลปี๊บ หรือน้ำตาลปึก 6 ช้อนโต๊ะ,
5. เกลือป่น 2 ช้อนชา
6.เนื้อทุเรียนสุกหั่นเป็นชิ้น 4 ถ้วย
วิธีทำ
ข้าวเหนียวมูน
1.อันดับแรกนำข้าวเหนียวที่เตรียมไว้มาแช่น้ำสะอาด ทิ้งไว้ประมาณ 4 ชั่วโมง จากนั้นเอามาซาวน้ำ ล้างให้สะอาด ก่อนจะนำขึ้นนึ่งในลังถึง ให้รองผ้าขาวบางในลังถึง เกลี่ยข้าวเหนียวให้ทั่ว นึ่งในน้ำเดือดไฟแรงประมาณ 35 นาทีเพื่อให้เม็ดข้าวเหนียวอ่อนนุ่ม ระหว่างรอข้าวเหนียวสุกก็เตรียมทำน้ำกะทิที่ใช้ในการมูนข้าวเหนียว

การทำน้ำกะทิใช้ในการมูนข้าวเหนียว
1.นำหัวกะทิสดที่คั้นเตรียมไว้ 2 ส่วน โดยส่วนแรกนำมาใช้มูนข้าวเหนียว อีกส่วนใช้ทำน้ำกะทิทุเรียน ผสมน้ำกะทิสดส่วนแรก น้ำตาลปี๊บ เกลือ ให้รสชาติออกหวานเค็มพอดี ๆ ใช้ทัพพีคนส่วนผสมให้ละลาย กรองด้วยผ้าขาวบาง ยกขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ คนอย่าให้เป็นลูก พอส่วนผสมพอเดือด รีบยกลงตั้งพักไว้
2.เมื่อข้าวเหนียวสุก ยกลงจากเตาเทใส่กะละมัง เอาน้ำกะทิส่วนแรกที่ผสมเสร็จแล้วเทราดใส่ตามลงไปขณะร้อน ๆ ใช้ไม้พายมูนข้าวเหนียวกับน้ำกะทิให้เข้ากันจนทั่ว ปิดฝาพักไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้ความร้อนจากข้าวเหนียวดูดซึมน้ำกะทิให้แห้ง
ขั้นตอนการทำน้ำกะทิทุเรียน

-นำน้ำกะทิส่วนที่สองที่เตรียมไว้ น้ำตาลปี๊บ และเกลือ ใส่ลงในหม้อ คนให้เข้ากัน ยกขึ้นตั้งไฟ อ่อน ๆ พอเริ่มเดือดรีบยกลง นำเนื้อทุเรียนสุกที่หั่นเป็นชิ้น ๆ เตรียมไว้ ใส่ตามลงไป คนให้ส่วนผสมพอเข้ากัน เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย
การจัดเสิร์ฟ การขาย ก็ตักข้าวเหนียวมูนใส่ถ้วย ตักน้ำกะทิพร้อมเนื้อทุเรียนราดข้างบน
 *ข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวสังขยาใช้วิธีการมูลข้าวเหนียวสูตรเดียวกันกับข้าวเหนียวทุเรียนค่ะ*

สูตรข้าวเหนียวมะม่วง
1.ใช้ข้าวเหนียวมูลตามสูตรข้างบนค่ะ
2.เลือกมะม่วงน้ำดอกไม้สุกๆ หรือมะม่วงอกร่องสุกก็ได้ค่ะ
วิธีทำน้ำกระทิราดหน้า
1.ใช้หัวกะทิผสมเกลือเล็กน้อยเคี่ยวไฟอ่อนระวังอย่าให้แตกมัน
พอเดือดยกลง
จัดใส่จานพร้อมเสริฟ



สูตรข้าวเหนียวสังขยา
สูตรข้าวเหนียวมูล
1. ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 1 ก.ก.
2. น้ำกะทิ คั้นจากมะพร้าวขูด 1-1.5 ก.ก.
3. น้ำตาลทรายขาว 3- 5 ขีด
4. เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
5. สารส้ม 1 ก้อน
วิธีทำ
- ล้างข้าวสารด้วยสารส้ม ใช้มือทั้งสองถูข้าวไปมา เหมือนขัดข้าว แล้วเทน้ำออก เติมน้ำใหม่แล้วล้างด้วยสารส้มขัดอีก ทำประมาณ2 - 3 ครั้ง หลังจากนั้นล้างน้ำให้สะอาด แล้วแช่ข้าวไว้ ถ้าเป็นข้าวใหม่ แช่ไว้ประมาณ 3-5 ช.ม.
- สรงข้าวขึ้นหวด นึ่ง ประมาณ 15 นาที
- ผสมน้ำกะทิ เกลือ น้ำตาล คนให้ละลายเข้ากันจนหมด
- เมื่อข้าวสุกรีบเทใส่หม้อแล้วรีบเทน้ำกะทิตาม คนเร็วให้เข้ากันอย่าให้ข้าวเหนียจับกันเป็นก้อน
- เอาผ้าปิดหม้อแล้วใช้ฝาหม้อปิดทับอีกที
- หลังจากข้าวระอุได้ที่ ก็ใช้ถุงมือพลาสติกใส่มือซาวข้าวเหนียวมูนขึ้น
- นำไปเสริฟกับมะม่วงสุก สังขยา หน้าปลา หน้ากุ้ง หรือขนุนก็ได้

น้ำกระทิสำหรับหยอดหน้าตอนเสริฟ
1. หัวกระทิ 1/2 ถ้วย
2. นำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
3.เกลือป่น 1 ช้อนชา
4. แป้งข้าวเจ้า 3/4 ช้อนชา

วิธีทำ
- ผสมทุกอย่างให้เข้ากันก่อนนำไปตั้งไฟ แล้วคนจนข้นแล้วยกลง ราดหน้าข้าวเหนียวมูน
- ถ้ามีถั่วเขียวซีกก้คั่วและวโรยหน้าข้าวเหนียวมูน

วิธีทำสังขยา
หน้าสังขยา

1. ไข่เป็ด 2-4 ฟอง
2. กะทิ 100 กรัม
3.น้ำตาลปึก 100 กรัม
4. ใบเตยเล็กน้อย
วิธีทำ
1. นำไข่เป็ดผสมกับกะทิและน้ำตาลคนให้ทั่วจนส่วนผสมเข้ากันได้ดีและน้ำตาลละลายหมด
2.ใช้ใบเตยขยำส่วนผสมให้ฟูขึ้น
3.กรองด้วยผ้าขาวบางเอาสิ่งสกปรกออก
4.เทส่วนผสมใส่แบบพิมพ์หรือภาชนะที่เตรีมไว้ แล้วนำไปนึ่งในน้ำเดือดประมาณ 20 นาทีหรือจนสุกทั่แล้วจึงนำขึ้นมาทิ้งไว้ให้เย็น


สูตรข้าวเหนียวหน้ากุ้ง

เครื่องปรุง
1. กุ้งสดจะเป็นชีแฮ้หรือกุลาดำ ก็ได้ 100 กรัม (1ขีด)
2. มะพร้าวขูด 1 ถ้วย
3. รากผักชีหั่น 1 ช้อนชา
4. ใบกะกรูดซอย 1 ช้อนชา
5. กระเทียม 5 กลีบ
6. พริกไทยเม็ด 1/4 ช้อนชา
7. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
8. น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย
9. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
10. สีผสมอาหาร สีส้ม เล็กน้อย
วิธีทำ
1. ล้างกุ้ง แกะเปลือก เด็ดหัวเด็ดหางสับพอหยาบ ๆ
2. โขลกกระเทียม พริกไทย รากผักชี เข้าด้วยกันให้ละเอียด
3. มะพร้าวผสมสีส้ม เตรียมไว้
4. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ตั้งกลางใส่เครื่องที่โขลกไว้ผัดให้หอม ใส่กุ้ง ผัดพอทั่ว จึงใส่มะพร้าวปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล ผัดจนใกล้แห้งจึงยกลงแล้วโรยใบมะกรูด

แหล่งซื้อวัตถุดิบและอุปกรณ์ในการขายขนมหวาน
1.ร้านแสงอรุณ ตั้งอยู่บริเวณหน้าตลาดจังหวัดนนทบุรี จำหน่ายวัตถุดิบทำขนมไทยทุกประเภท ภาชนะบรรจุ และอุปกรณ์จำเป็นทั้งหมดสำหรับทำขนม โทรศัพท์ (02) 525-0504

2. ร้านตั้งจิบเซ้ง ที่อยู่ แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 222-1721
3.บ้านทองเหลือง ผลิต และจำหน่ายสินค้าที่ทำจากทองเหลือง ที่อยู่ 188/1 จรัญสนิทวงศ์ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 866-2253-4 โทรสาร (02) 866-0203 เว็บไซต์www.bangkokbrass.com
4. เวิ้งนาครเขษม, คลองถม, เยาวราช, สะพานหัน เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ
5. www.happybakeryshop.com ที่อยู่ 338/57 ซอยลาดพร้าว 87 ถนนลาดพร้าว เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (084) 079-6687

6.ร้าน BillionNine จำหน่ายกระทะทองเหลือง ที่อยู่ ตลาดนัดจตุจักร โครงการ 22 ซอย 4/2 เลขที่ 016 โทรศัพท์ (02) 903-0558
7.ร้านขจรศักดิ์ เครื่องครัว ที่อยู่ แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 221-0572 โทรสาร (02) 221-7796
8.คลังครัวเรือน อุปกรณ์ทำขนมไทย จังหวัดเชียงราย โทรศัพท์ (053) 660-282, (053) 787-300 โทรสาร (053) 660-281 สายด่วน (089) 852-8446
9. ร้านกล้วยน้ำไทการช่าง 1 ที่อยู่ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 617-6310-2 โทรสาร (02) 617-7785
10.หจก. สหตั้งง่วนเฮง ที่อยู่ 24-26 ถนนอนุวงศ์ แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 453-2015-18 โทรสาร (02) 897-8313
11. ร้านกิตติเครื่องครัว ที่อยู่ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 271-0634

12.บริษัท คิงส์แมชชีนส์กล้วยน้ำไทการช่าง จำกัด ที่อยู่ แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 249-4732, (02) 249-5235, (02) 249-5620, (02) 671-6844-5 โทรสาร (02) 672-8700
13.รุ่งเรืองกลการ ที่อยู่ 254/1 หมู่ 4 ซอย วปอ.11 ถนนเศรษฐกิจ ตำบลท่าไม้ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร โทรศัพท์ (02) 810-9282-3, (080) 229-2288, (081) 400-7446 โทรสาร (034) 471-388
14.ร้านกล้วยน้ำไทการช่าง สาขาพระโขนง กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 249-4732-35 โทรสาร (02) 249-5620
15. แมคโคร ทุกสาขา
16.ตลาดสี่มุมเมือง
 
 ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://savadikarn.nrct.go.th/  และ www.ucancookthai.com

Comments